บทนำ
คุณลุง คุณลุงคะ ตื่นสิคะ หนูจะพาไปหาหมอ ตื่นลืมตามาก่อนคะ อย่าเพิ่งตายสิ ตื่นมาก่อนเร็วๆ วริศาพยายามร้องเรียกคนที่นอนจมกองเลือดให้ฟื้นคืนสติขึ้นมา เธอใช้นิ้วชี้วัดลมหายใจของเขาจนแน่ใจว่าเขายังไม่ตาย แต่มันก็แผ่วเบาจนคนที่อยากจะช่วยชักไม่แน่ใจว่าจะช่วยเขาได้หรือไม่ แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้นอนตายอย่างอนาถอยู่ตรงนี้
ภาษาอังกฤษสำเนียงหวานที่ไม่คุ้นหูพร้อมกับแรงเขย่าที่ต้นแขน ทำให้คนที่กำลังจะหมดลมหายใจ พยายามฝืนเฮือกสุดท้ายเอาไว้แล้วลืมตามองเจ้าของมือนิ่มที่ช้อนศีรษะเขาขึ้นมาจากผืนทราย จนได้พบกับใบหน้าสวยคมที่แววตาตื่นตระหนกเมื่อจ้องมองคนที่เธอต้องการช่วยชีวิต
แข็งใจนิดนะคะ หนูจะพาคุณลุงไปหาหมอ หญิงสาวพยายามปลอบคนในอ้อมแขนและประคองชายวัยกลางคนที่ตามร่างกายมีแต่ร่องรอยการถูกทำร้ายให้ลุกขึ้น แต่คนที่มีเลือดท่วมตัวกลับจับมือเธอไว้มั่น ประกายตาคนเจ็บสดใสขึ้นมาทันทีทันใด เขานำของบางอย่างที่กำอยู่ในมือวางไว้บนมือนุ่ม พร้อมกับคำพูดที่แสนแผ่วเบา
หนีไป หนีไป อย่าให้ใครได้มันไป สัญญากับข้า อย่าให้ใครได้สิ่งนี้ไป นอกจากไฟฮัช แล้วเจ้าจงหนีไป ปล่อยข้าไว้ที่นี่
คุณลุงบาดเจ็บมากนะคะ ไปหาหมอก่อนเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
ไม่ทันแล้ว อย่าให้ใครทำร้ายอัคซาล อย่าให้ใครทำร้ายอัคซาล และทันทีที่พูดจบ เสียงฝีเท้าม้าก็ดังกึกก้องมาจากทางทิศใต้ ความหวังสุดท้ายของคนใกล้จะตายอยู่ที่หญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ แม้จะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเธอเป็นคนดี แต่เขาไม่มีโอกาสที่จะเลือกทางใดอีกแล้ว เขาต้องทำให้แผ่นดินผืนนี้รอดพ้นเงื้อมมือคนชั่วให้ได้ ชายวัยกลางคนพยายามผลักหญิงสาวแปลกหน้าให้รีบหนี แล้วพูดว่า ถ้าเจ้ายังอยู่กับข้า เจ้าจะตาย หนีไปซะ อย่ากลับมาที่นี่อีก เอาของในมือเจ้าให้ไฟฮัชเพียงคนเดียว หรือทำให้มันหายไปพร้อมกับเจ้าซะ สัญญากับข้า
หนูสัญญาคะ แต่คุณลุงไปหาหมอก่อนเถอะ และทันทีที่วริศาให้คำมั่นสัญญา คนในอ้อมแขนก็หลับตาลงอย่างหมดทุกข์
หญิงสาวได้แต่มองคนที่บัดนี้ได้เดินทางไปสู่ดินแดนหลังความตายอย่างสับสน เธอไม่รู้ว่าตนเองต้องทำอะไรต่อไป จะโทรให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิมาเก็บศพเหมือนประเทศไทยก็ไม่รู้ที่นี่จะมีรึเปล่า ที่สำคัญ นี่มันเป็นทะเลทราย จะมีใครผ่านไปผ่านมาง่ายๆ อย่างนั้นหรือ
วริศาอยากจะโขกหัวตัวเองลงกับพื้นทรายนัก เธอแค่น้อยใจที่โดนพี่ชายเอ็ดเลยเอาม้าของเขาออกมาขี่เล่นนอกค่ายที่ตั้งทัวร์นักท่องเที่ยว จนมาเจอชายวัยกลางคนๆ นี้นอนจมกองเลือดอยู่ และเขาก็ตายอยู่ในอ้อมแขนเธอ หญิงสาวเงยหน้ามองไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็เห็นรูปร่างของมันและคนที่อยู่บนหลังม้าเริ่มปรากฏให้เห็นมาแต่ไกล นั่นทำให้เธอนึกถึงคำเตือนของคนตายทันที ถ้าเจ้ายังอยู่ เจ้าจะตาย แล้วใครจะบ้าอยู่รอความตายล่ะ หญิงสาวตัดสินใจทิ้งร่างไร้ลมหายใจลงกับผืนทรายแล้ววิ่งไปกระโดดขึ้นม้าของตัวเองที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
คนต่างถิ่นอย่างวริศาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วคนกลุ่มนั้นเป็นใคร แต่เธอควรที่จะเชื่อคนที่บอกเธอเป็นคำเตือนสุดท้ายก่อนที่จะตายว่า เธอต้องหนีแล้วเหมือนเธอจะได้ยินเสียงฝีเท้าม้าเร่งตามมาด้านหลัง แล้วตามมาด้วยเสียงปืนที่กระหน่ำกึกก้องไปทั่วแดนทราย ตอนนี้วริศาไม่นึกถึงสิ่งใดอีกแล้วนอกจากใบหน้าของพ่อและแม่ เธอไม่คิดที่จะหันหลังกลับไปมองทางด้านหลังด้วยซ้ำไป ใครจะฆ่ากันงานนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ เธอไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
นี่มันประเทศบ้าอะไร ป่าเถื่อนชะมัด คอยดูนะ จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว หญิงสาวได้แต่นึกในใจ ในขณะที่มือเรียวยังกำสิ่งที่เพิ่งได้มาเอาไว้แน่น
คนตายสั่งเธอว่าให้ส่งมันให้กับคนที่ชื่อไฟฮัช หรือไม่ก็ทำให้มันหายไปพร้อมกับเธอซะ วริศาเลือกที่จะทำอย่างหลังมากกว่า เพราะเมื่อเธอกลับเข้าเมืองหลวงเมื่อไหร่ เธอจะกลับประเทศไทยทันที ไม่เสียเวลาตามหาคนชื่อไฟฮัชหรอก เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ลางสังหรณ์เตือนว่าจะต้องเป็นเรื่องร้ายแรง การเก็บเรื่องนี้ไว้ให้เงียบที่สุดคือความปลอดภัยสำหรับเธอ และเธอไม่ได้ผิดสัญญากับคนตายด้วย