สวัสดีจ๊ะคอป เอาบางส่วนมาลงก่อนนะ ยังไม่รู้ว่า มันจะเป็นส่วนไหนของเนื้อเรื่อง หรือว่า จะเป็นบทนำ ใครทำข่าวห้องนี้ ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ
ภายในห้องเย็นสบาย และมีกลิ่นหอมดอกไม้แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า กลิ่นนั่นเป็นดอกไม้ชนิดไหน เมื่อลองสูดดมกลิ่นอันหอมเข้าไป ทำให้รู้สึกสดชื่น ราวกับกลิ่นคุ้นเคยแต่นานมา พุทธิดาสูดลมหายใจลึกเพื่อเก็บเกี่ยวกลิ่นนั้นให้เต็มปอด เธอหลับตาลงเพื่อดื่มด่ำกับความหอม จนในจินตนาการเธอเห็นเป็นภาพสวนดอกไม้ ที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง กลิ่นที่เธอได้สูดดมน่าจะเป็นดอกไม้สีขาวดอกใหญ่ หรืออาจจะเป็นสีเหลืองดอกเล็ก กำลังปลิวไสวลู่ตามสายลม บางขณะลมหอบทั้งความหอม และละอองน้ำพัดมาปะทะใบหน้า
แล้วหูเธอก็ได้ยินเสียงน้ำตก ได้ยินเสียงหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะโต้ตอบกันไปมา เธออยากเห็นภาพตรงหน้าว่า เป็นเช่นไหร่ ครั้นค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ภาพที่เห็นยิ่งทำให้พุทธิดาตกตะลึง เมื่อครู่ห้องสมุดขนาดใหญ่ ทุกด้านของห้องประกอบไปด้วยหนังสือวางเรียงรายบนชั้นราวสองเมตรครึ่ง กลับกลายเป็นป่าไม้ที่มีต้นไม้นานาพรรณ บางต้นใบเป็นสีเขียวเข้ม บางต้นใบเป็นสีเขียวอ่อน มีบางต้นใบเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นส้ม สีแดง
พุทธิดาเหลียวมองรอบตัวเองก็เป็นบรรยากาศป่าไม้ หาใช่ห้องสมุดที่เปิดประตูเข้ามา เธอไม่แน่ใจตัวเองว่า ตอนนี้เธอกำลังจินตนาการ หรือกำลังเจอกับสถานการณ์ความเป็นจริงกันแน่ เธอใช้มือข้างขวาหยิกที่แขนซ้าย
โอ๊ย! เจ็บนี่ งั้นก็ไม่ได้ฝันไป
เธอหลับตาลงอีกครั้ง เผื่อหากลืมตาขึ้นมาภาพต่าง ๆ ที่เห็นเหล่านี้จะหายไป กลายเป็นว่า เธอหลับฝัน แม้จะลองลืมตาหลับตากว่าห้าครั้ง สภาพป่าไม้ตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม แถมเสียงหยอกล้อที่ได้ยินทีแรก ยังดังอยู่ใกล้ ๆ พุทธิดาคิดว่า เธอจำเป็นจะต้องเดินเข้าไปหาคนกลุ่มนั้น เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง แม้ภายในจิตใจเธอจะเริ่มหวั่นไหวหวาดกลัว แต่ควรครองสติไว้ให้มั่น สติจะทำให้เธอหาคำตอบ และทางออกของเหตุการณ์ได้แน่
เมื่อตัดสินใจจะใช้ตัวช่วย พุทธิดารีบเดินแกมวิ่งตามเส้นทาง ได้ไม่นานเสียงน้ำตกกับเสียงหยอกล้อก็ดังชัดขึ้น ตามเส้นทางเริ่มมีตะไคร่น้ำขึ้นเขียว บรรยากาศโดยรอบเย็นฉ่ำ กลิ่นหอมของดอกไม้เริ่มจางลง เส้นทางแคบและลื่น เธอซึ่งไม่ได้สวมรองเท้า ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เพราะบางครั้งเธอเกือบลื่นล้ม ดีที่กิ่งไม้ข้างหน้ามีให้คอยคว้ายึดไว้ได้ ตอนนี้เส้นทางเริ่มเป็นเนิ่นมีก้อนหินทั้งก้อนเล็ก ก้อนใหญ่เรียงแบบไม่เป็นระเบียบ การก้าวเท้าแต่ละก้าวค่อนข้างยากมากขึ้น เพราะบางตำแหน่งเธอรู้สึกเหมือนเหยียบถูกหินแหลม บวกกับความลื่นของตะไคร่น้ำทำให้เธอต้องระวังมากขึ้น เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองข้างเกาะกิ่งไม้ซึ่งอยู่ตามข้างทาง ไต่ขึ้นเนิ่นไป
เกือบจะถึงด้านบน เสียงน้ำตกกับเสียงหัวเราะดังชัดมากขึ้น ละอองน้ำถูกลมพัดมาปะทะหน้ามากขึ้น ลานหินไม่กว้างมาก เมื่อขึ้นไปยืน เธอสามารถมองเห็นน้ำตก เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็รับรู้ว่า น้ำตกนี้สูงมาก สามารถใช้คำว่า สูงเสียดฟ้า พอเธอไล่สายตาลงมาเรื่อย ๆ จนเลยจุดที่เธอยืนอยู่ต่ำลงไปเกือบสองเมตร เสียงหยอกล้อที่เธอได้ยิน เป็นกลุ่มคนชายหญิงที่กำลังเล่นน้ำอย่างสบายอารมณ์กว่าสิบคน และเป็นภาพที่ทำให้เธอต้องตกตะลึง เพราะท่อนบนของหญิงสาวทุกคนไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า หน้าอกแต่ละนางเต่งตึงชวนมอง ไม่แพ้ใบหน้างดงามราวเทพธิดา ภาพที่เห็นไม่ทำให้พุทธิดารู้สึกอุจจารตา แต่กลับรู้สึกเฉยราวกับว่า สิ่งที่เห็นมันเป็นธรรมชาติที่คุ้นเคย ส่วนชายหนุ่มทุกคนก็ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเช่นกัน ใบหน้าแต่ละคนงดงามราวเทพบุตรก็ไม่ปาน ภาพเบื้องหน้าช่างเป็นภาพที่น่าตราตรึงไว้ในหัวใจ มันช่างงดงาม และคล้ายกับเคยเห็นภาพแบบนี้ที่ไหนสักแห่ง
ขณะกำลังเพลินเพลิดกับภาพสวยงาม พุทธิดาลืมความตั้งใจของตนเอง สายตาไม่สามารถละจากภาพเบื้องหน้าไปได้ เธอเริ่มใจชื่นขึ้นเพราะมีหญิงสาวบางคนกำลังจะขึ้นจากน้ำและเดินมาทางเนิ่นที่เธอยืนอยู่ แต่สิ่งที่เธอได้เห็นนั่น พุทธิดาเผลอร้องว้ายขึ้นมาเสียงดัง เป็นเหตุให้ทุกคนที่กำลังเล่นน้ำกันเพลิดเพลินหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน ส่วนตัวเธอเองก็ตะลึงกับภาพที่เห็นจนค้างนิ่งไปเช่นกัน
เจ้าไม่มีสิทธิ์มาที่นี้ เสียงหญิงสาวนั่นดุ หน้าตาบึงตึงขึ้น
ฉัน เออ ฉันไม่รู้ว่า มาที่นี้ได้ยังไง พุทธิดารวบรวมสติแล้วรีบตอบกลับ
เจ้ากลับไปเสียเถอะ ยังไม่ถึงเวลาของเจ้า ขายหนุ่มอีกคนเอ่ยพร้อมก้าวพ้นจากน้ำ ยิ่งเป็นภาพที่ทำให้พุทธิดาตะลึงเข้าไปใหญ่
ฉัน เออ ฉัน จะกลับยังไงค่ะ พุทธิดาพูดติดติดขัดขัด แล้วตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อชายหนุ่มคนนั้นบินขึ้นมายืนประจันหน้ากับเธอบนเนิน ใช่เขาบินขึ้นมา เขามีปีก ปีกเขาสวยมาก
ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะกลับมา จงหลับตา แล้วนึกถึงสถานที่ที่เจ้าจากมา ข้าจะช่วยส่งเจ้ากลับไป เสียงอันนุ่มนวลนั้นทำให้พุทธิดารู้สึกตื้นตันใจ น้ำตาพาลจะไหล มันเป็นเสียงที่เธอรู้สึกว่า คุ้นเคย แต่ไม่ได้สัมผัสหรือได้ยินมาเนิ่นนาน
ฉันไม่มีสิทธิ์มาที่นี้ แล้วที่นี้คือที่ไหนค่ะ ความอยากรู้อยากเห็นยังคงมีอำนาจเหนือกว่าสิ่งใดเช่นเคยสำหรับเธอ
ป่าหิมพานต์ เอาล่ะอย่าถามมากความ หลับตาเสียเถอะ
แล้ว
ข้าบอกให้หลับตา มิเช่นนั้นเจ้าจะกลับไม่ได้ เสียงเขาเปลี่ยนเป็นดุขึ้นอีกครั้ง แต่มันไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ ทำให้พุทธิดาอยากเอ่ยถามอีก
ฉัน เพียงคำเดียวที่เปล่งออกมาจากปากของเธอ แล้วเหมือนมีลมพายุขนาดใหญ่หอบร่างของเธอให้ลอยสูงขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป เธอได้ยินเสียงชายผู้นั้นพูดอะไรบางอย่าง
น้องรัก สักวันเราจะได้พบกัน
โอ๊ย พุทธิดารู้สึกเจ็บจึงลืมตาขึ้น ภายในใจหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภาพที่ปรากฎต่อสายตาคงเป็นตู้หนังสือขนาดใหญ่ และความหวังของเธอก็เป็นจริง แล้วที่เธอรู้สึกเจ็บเพราะเธอหล่นจากโซฟาตัวใหญ่กลางห้องลงมานอนอยู่กับพื้น เธอเหลียวซ้ายแลขวาพร้อมทั้งกระพริบตาถี่ ๆ ทุกครั้งที่ลืมตาภาพยังคงเป็นห้องสมุด ทำให้เธอรู้สึกโล่งอก