Forwriter Rally Board
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
ลงทะเบียนแข่งเขียน แรลลี 16 วันที่ 15-30 มกราคม2557
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
Forwriter Rally Board
»
แข่งเขียนนวนิยายใน 3 เดือน แรลลี 18
»
6. นิรีย์ และ มะนอแน่
»
ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร (๑)
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ผู้เขียน
หัวข้อ: ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร (๑) (อ่าน 1612 ครั้ง)
นิรีย์
Jr. Member
กระทู้: 56
เขียนทุกวัน จบสักวันแน่ๆ
ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร (๑)
«
เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 01, 2015, 08:47:35 AM »
ตอนที่ ๑
โอ้...อสูร
เบื้องหน้า จอมเทวา ประมุขแห่งเผ่าเทพ คือ เด็กชายตัวน้อยชาวอสูรตนหนึ่ง หน้าตามันไม่ถึงกับอัปลักษณ์เหมือนพวกพ้อง ดูคล้ายพวกมนุษย์ที่ตัวใหญ่ แต่ไม่ลดความน่ารังเกียจในความคิดของเทพผู้ยิ่งใหญ่ และมันกล้าจ้องมองจอมเทวา
เจ้าอสูรน้อย เจ้าบังอาจเข้ามาในวิหารเทพของข้า รู้ไหมว่าโทษของเจ้าอาจถึงตาย เสียงกัมปนาทของจอมเทวาดังสนั่นก้องวิหารเทพศักดิ์สิทธิ์ และด้วยรูปกายหยาบที่สูงใหญ่ทำให้ยิ่งน่ายำเกรง เทพทุกตนมีกายหยาบ นิรมิตมาห่อหุ้มกายทิพย์โปร่งใสซึ่งเป็นอมตะ เทพสามารถนิรมิตกายหยาบเป็นอะไรก็ได้แต่ต่างชอบที่จะมีกายหยาบเหมือนมนุษย์
ข้ามาหาแม่ ลูกอสูรตอบอย่างฉะฉานแม้นจะมีท่าทางเกร็งๆ พร้อมยิ้มกว้างอย่างไร้เดียงสาจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ คมกริบซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกถึงความเป็นอสูร รอยยิ้มนั้นส่งไปถึงดวงตากลมโตทำให้ดวงตาคู่นั้นสุกใสเจิดจ้าชวนให้น่ามองยิ่งขึ้น
จอมเทวาขมวดคิ้ว นัยน์ตาแบบนี้ รูปหน้าแบบนี้ช่างคุ้นเหลือเกิน เหมือนเคยเห็นมาก่อน ช่างเหมือน...กายหยาบของเหล่าลูกๆ ของเขาในยามเยาว์วัย จอมเทวารีบปัดความคิดที่เข้ามาใหม่ออกไปทันที
อสูรคืออสูร ไม่มีทางมาคล้ายคลึงเทพ มันเป็นความบังเอิญ
และเพราะหงุดหงิดกับความคิดนั้น จอมเทวาจึงยิ่งส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
อะไรนะ! มาหาแม่ ที่นี่ไม่มีแม่ของเจ้าหรอกเจ้าเด็กโง่ ที่นี่เป็นที่อยู่ของเทพไม่ใช่ของอสูรอย่างพวกเจ้า
ท่านแม่อยู่ที่นี่จริงๆ ท่านตา
บังอาจ!
อสูรน้อยไม่เข้าใจ ท่านพ่อบอกให้เรียกผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ทองว่าท่านตา ท่านพ่อไม่โกหกแน่นอน แต่ทำไมท่านตาถึงเสียงดังและดุอย่างนั้น ความเป็นเด็กที่เพิ่งพ้นวัยทารกไม่นานทำให้ความกล้าที่รวบรวมมาอย่างยากเย็นหดหายรวดเร็ว อสูรน้อยร้องไห้จ้า
ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าจะหาแม่
จับมันออกไป
ทหารเทพหลายตนกรูกันเข้ามาล้อมรอบอสูรน้อย หนึ่งในนั้นกระชากแขนเด็กโดยแรงเพื่อจะพาตัวออกไปตามคำสั่งผู้เป็นประมุข แต่นั่นคือการกระทำที่ผิดอย่างมหันต์
มือข้างที่แตะต้องลูกอสูรลุกท่วมด้วยไฟอย่างฉับพลัน
เสียงร้องโหยหวนของเทพดังขึ้นเป็นครั้งแรกในวิหารที่เทพทั้งหลายได้รับการคุ้มครอง ไม่มีใครหรืออะไรทำร้ายเทพภายในวิหารนี้ได้
เทพทุกตนในวิหารมิอาจขยับเขยื้อนตัวด้วยความตื่นตะลึงต่อเหตุการณ์ในอึดใจแรก แต่ต่อจากนั้นมาจากความพรั่นพรึงเมื่อต่างสำเหนียกถึงความหมายของมัน
เทพเท่านั้นที่ได้รับการปกป้อง
เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ที่ลูกอสูรที่กำลังร้องไห้จ้ากลางวงล้อมของทหารเทพจะได้รับการปกป้อง
นอกจากจะเป็น...
ลูกของเทพ
เด็กอัปยศจากสมสู่ของเทพและอสูรชั้นต่ำ
ใครคือพ่อของเจ้า จอมเทวาถามด้วยท่าทางเยือกเย็นภายนอก ซ่อนเพลิงพิโรธร้อนแรงที่พร้อมเผาผลาญทุกสิ่งให้เป็นจุณไว้ภายใน
พ่อชื่ออสุรา
อีกครั้งที่เทพทั้งมวลเงียบงัน ทุกสายตาพุ่งตรงมาที่ร่างเด็กน้อยชาวอสูรที่กำลังใช้หลังมือปาดทั้งน้ำตาและน้ำมูกจากหน้า
อสุรา! จอมทัพอสุรา!
เสียงอุทานนั้นหลุดออกมาจากปากของ เทพแห่งดิน บุตรคนโตของจอมเทวา หนึ่งในผู้ที่ยืนรายล้อมประมุขแห่งเทพในขณะนี้
ไอ้เด็กน้อย บอกข้าอีกครั้งพ่อเจ้าคือจอมทัพทัพอสุราใช่ไหม เทพแห่งดินเม้มปากแน่นระหว่างรอฟังคำตอบที่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
ใช่ ใช่ ใครๆ เรียกท่านพ่อว่าจอมทัพ ท่านพ่อของข้ารบเก่งที่สุดเลยนะ
น้ำเสียงโอ้อวดนั้นทำให้เทพแห่งดินยิ่งเม้มปากแน่นขึ้น
เทพแห่งดินเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเทพผู้ไม่เคยปราชัยในสนามรบใด ยกเว้นเพียงศึกครั้งเดียวเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนที่เทพต้องการกำราบความเหิมเกริมของประมุขคนใหม่ของเผ่าพันธุ์อสูรที่อหังการยกเลิกการบวงทรวงปวงเทพชั้นสูง และครั้งนั้นเทพแห่งดินได้เผชิญหน้ากับจอมทัพอสุรา ประมุขหนุ่มเลือดร้อนดุดันของเหล่าอสูร และเกือบพ่ายแพ้ถ้าไม่ได้น้องชายทั้งสามคือเทพแห่งน้ำ เทพแห่งลม และเทพแห่งไฟเข้ามาช่วย
ครั้งนั้นคืออับอายใหญ่หลวงในชีวิตเทพผู้สูงส่งเพราะจอมทัพอสุราแหงนหน้าขึ้นหัวเราะก้องกล่าวหาว่าเทพอย่างเขาเป็นพวกหมาหมู่กลางไพร่พลของทั้งสองฝ่ายที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด เทพแห่งดินกล้ำกลืนศักดิ์ศรี ไม่อาจเสี่ยงต่อการพ่ายแพ้แม้ต้องการสู้กับอสุราตัวต่อตัว สี่เทพร่วมกันฟาดฟันจอมทัพอสุราด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถพิชิตทุกอย่างบนพิภพนี้ได้ ร่างของประมุขเผ่าอสูรแดงฉานไปด้วยเลือดทั้งของตัวเองและเลือดจากกายหยาบของเทพ
บุตรชายทั้งสี่ของจอมเทวาใช้เวลาถึงสามราตรีจึงสามารถจับอสุราเพียงตนเดียวได้ กองทัพอสูรที่เหลือล่าถอยหายลับเข้าไปในป่าทมิฬรกทึบ แต่เหล่าเทพรู้ดีว่าพวกอสูรจะไม่ยอมหยุด พวกมันต้องกลับมา จอมเทวาจึงบัญชาให้คุมขังประมุขของพวกมันไว้เป็นตัวประกันแทนการบั่นศีรษะ
ศึกระหว่างเทพและอสูรยุติลงตั้งแต่ครั้งนั้น
เป็นไปไม่ได้ อสุรายังอยู่ในคุกใต้บาดาล เทพแห่งดินออกอาการร้อนรนผิดวิสัยเงียบขรึม เจ้าอสูรน้อยตนนี้จะเกิดในขณะที่พ่อถูกคุมขังได้อย่างไร
เทพแห่งน้ำเจ้าลงไปดูที่คุกบาดาลให้เห็นความจริงที จอมเทวาที่นั่งนิ่งเงียบอยู่ครู่ตัดสินใจสั่งบุตรชายคนรองที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงเย็นเยียบ มีเพียงเทพแห่งน้ำเท่านั้นที่สามารถใช้กายทิพย์ไปและกลับจากใต้บาดาลได้รวดเร็วที่สุด
ข้าจะไปด้วย เทพแห่งดินเสนอตัว นอกจากความเกียจชังอสุราเป็นการส่วนตัวแล้ว ยังมีบางสิ่งแฝงเร้นอยู่ในเงามืดของจิตใจเทพแห่งดินที่สลัดทิ้งไม่ได้ เชื่อมโยงผู้จะเป็นประมุขเทพคนต่อไปกับจอมทัพแห่งอสูรด้วยเส้นใยบางๆ สีดำสนิท
มันคือ...ความละอายใจ
ชัยชนะจากการต่อสู้ที่ไม่สมศักดิ์ศรีทำลายความภาคภูมิใจเสียยิ่งกว่าความพ่ายแพ้
ไม่ต้อง เจ้าอยู่นี่
จอมเทวาห้ามลูกชายคนโต รับรู้ถึงความรู้สึกเกลียดชังล้ำลึกระหว่างเทพแห่งดินและจอมทัพอสุรา อาจจะมีการปลิดชีวิตอสุราในทันทีที่พบ และนั่นหมายถึงสงครามครั้งใหญ่อีกครั้ง แม้เทพจะไม่มีอายุขัยแต่...
ข้อแลกเปลี่ยนเก่าแก่ตั้งแต่ครั้งสร้างพิภพ
ทำให้เทพไม่อาจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อสูร ศัตรูตัวฉกาจของเทพได้ แม้นอยากจะทำมากเพียงใด
ที่มาของการแลกเปลี่ยนตั้งแต่ครั้งสร้างพิภพคงมีด้วยเหตุนี้ ป้องกันการทำลายล้างกันเอง
หลังจากได้สร้างเผ่าพันธุ์ต่างๆ มาระยะหนึ่ง ผู้สร้างได้ให้ตัวแทนของสามเผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดคือ เทพ อสูร และมนุษย์ ขอหนึ่งสิ่งที่ต้องการแล้วผู้สร้างจะขอหนึ่งสิ่งกลับ และต่างไม่รู้ว่าข้อแลกเปลี่ยนของอีกสองเผ่าพันธุ์คืออะไร
เผ่าพันธุ์เทพขอเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่เหนือทุกเผ่าพันธุ์ โดยสิ่งที่โดนขอกลับคือเมื่อใดที่วิหารเทพไร้การบวงสรวงจากเผ่าพันธุ์อสูรหรือมนุษย์...เทพจะสูญสิ้น
เผ่าพันธุ์อสูรขอเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด โดยต้องยอมรับหัวใจที่เปราะบางในเรื่องของความรัก
ส่วนเผ่าพันธุ์มนุษย์ขอเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่รอดบนพิภพไปตลอดกาล โดยแลกกับการเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุด
ไม่มีเทพ อสูร หรือมนุษย์ล่วงรู้ข้อแลกเปลี่ยนนี้นอกจากผู้เป็นประมุขของแต่ละเผ่าพันธุ์ ความลับที่ถ่ายทอดระหว่างผู้นำของเผ่าพันธุ์เท่านั้น จอมเทวาได้รับรู้จากเทพบิดาผู้เป็นต้นตระกูลเทพในวันที่เทพบิดาสละตำแหน่งประมุขเทพ ละทิ้งกายหยาบบนพิภพสู่ดินแดนแห่งดวงจิตพิสุทธิ์พร้อมกับเทพมารดา ทิ้งหน้าที่สำคัญที่สุดไว้ให้จอมเทวา
การคงพิธีบวงสรวงเทพไว้ตลอดกาล
ดังนั้นทั้งอสูร มนุษย์ ยังต้องอยู่บนพื้นพิภพและนั่นคือเหตุผลที่ต้องสยบพวกอสูรให้กลับมาบวงสรวงเทพดังเดิม
แม่ของเจ้าคือใคร
จอมเทวาไม่อาจหลีกเลี่ยงการถามคำถามนี้
แม่ข้าชื่อแม่จ๋า
คำตอบไร้เดียงสาของเด็กน้อยยิ่งโหมไฟแห่งความโกรธให้ลุกโชติขึ้นจนจอมเทวาแทบไม่อาจซ่อนมันไว้ภายใต้ท่าทีเยือกเย็นได้อีกต่อไป แต่ผู้อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงแค่อสูรตัวน้อย ผู้เป็นใหญ่แห่งเทพไม่ทำร้ายเด็กแม้นว่าเด็กนั่นจะไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไป
พ่ออสูรของเจ้าเรียกนางว่าอะไร จอมเทวาเปลี่ยนคำถามเพื่อการค้นหาความจริง เทพหญิงที่ทำเรื่องเสื่อมทรามเช่นนี้ต้องได้รับโทษอย่างสาสม
เทวี
เทวีอะไร
จำไม่ได้
พยายามคิดซิอสูรน้อย ถ้าข้าไม่รู้ชื่อแม่ของเจ้า ข้าก็หานางมาให้เจ้าไม่ได้ จอมเทวาพยายามใจเย็น ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นเพื่อไม่ให้เด็กหวาดกลัวจนร้องไห้อีก
อสูรน้อยทำท่าคิดอยู่นานก่อนตอบว่า เทวี รัก เทวีความรัก
เทวีแห่งความรัก
จอมเทวาพึมพำชื่อที่สมบูรณ์ และอสูรน้อยรีบพยักหน้ารับ
ความจริงกรีดกลางใจจอมเทวา เจ็บปวดรวดร้าวจากแผลใจที่ไม่เคยคิดว่าเทพผู้สูงส่งจะรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์
หัวใจหลั่งเลือดอยู่ข้างในมันเป็นเช่นนี้เอง
หัวใจของพ่อที่โดนลูกสาวคนเดียวจ้วงแทงด้วยการเริงกามอย่างไม่คิดถึงชั้นวรรณะ และยังมีหอกข้างแคร่ออกมาประจานให้เผ่าพันธุ์เทพเสื่อมทราม
ไปพานางมา ประมุขแห่งเทพบัญชาสั้นๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ผู้ใกล้ชิดถึงกับผงะเมื่อสบสายตาเชี่ยวกรากของคลื่นอารมณ์ที่กำลังกระหน่ำซัดรุนแรง
น้องหญิงไม่มีทางทำเช่นนั้นท่านพ่อ
พวกลูกชายของจอมเทวาคัดค้านแทนน้องสาวคนเดียวแทบพร้อมกัน
ข้าจะตัดสินเอง ไปตามนางมา
เทพแห่งไฟซึ่งใกล้ชิดกับน้องสาวคนเล็กที่สุดเป็นผู้ออกไปตามตัวนาง เทวีแห่งความรักมีวิหารของตัวเอง นางชมชอบความอิสระ ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดแม้นแต่ความกราดเกรี้ยวของจอมเทวาผู้บิดา
นิรีย์ ต้องจบ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 16, 2015, 11:37:43 AM โดย นิรีย์
»
บันทึกการเข้า
เที่ยวนี้ต้องจบนะ นิรีย์
pannapat
Jr. Member
กระทู้: 64
Re: ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร
«
ตอบกลับ #1 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 01, 2015, 01:53:24 PM »
รีบตามมา ข้ารออยู่
ให้ไวๆ
บันทึกการเข้า
รัญชิดา
Sr. Member
กระทู้: 259
Re: ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร
«
ตอบกลับ #2 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 01, 2015, 09:20:42 PM »
ว้าวววววววววววววว
สองตอนเลย พี่ปูสู้ๆ พี่ปูสู้ๆ
บันทึกการเข้า
ไอวินทร์
นักข่าว
Sr. Member
กระทู้: 291
Re: ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร
«
ตอบกลับ #3 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 01, 2015, 09:34:49 PM »
เข้ามา แบบ งงๆ ตามลิงก์ จิจ้ามา
อ้าว วันที่ หนึ่งแล้ว ฮ่าๆ
นำไปก่อนเลยค่ะ พี่ปู
บันทึกการเข้า
Licht und Schatten トーキョーグール-
นิรีย์
Jr. Member
กระทู้: 56
เขียนทุกวัน จบสักวันแน่ๆ
Re: ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร
«
ตอบกลับ #4 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 02, 2015, 10:25:23 AM »
[size=18pt
]คอป จิจ้า ไอ จ๋า คราวนี้พี่ปูเอาจริงนะ ต้องจบๆๆๆ
[/size]
บันทึกการเข้า
เที่ยวนี้ต้องจบนะ นิรีย์
noneko
Full Member
กระทู้: 136
Re: ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร
«
ตอบกลับ #5 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 02, 2015, 10:43:08 PM »
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
บันทึกการเข้า
buddy
Sr. Member
กระทู้: 350
Re: ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร
«
ตอบกลับ #6 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 02, 2015, 11:37:10 PM »
เทวีแห่งนิยายค้างมารายงานตัวค่าาาาา
รออ่านนิยายจบของท่านพี่สาววววว
บันทึกการเข้า
บีเลิฟ
Sr. Member
กระทู้: 387
Re: ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร
«
ตอบกลับ #7 เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 05, 2015, 04:40:36 PM »
แวะมาส่งกำลังใจครับ จบๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
Forwriter Rally Board
»
แข่งเขียนนวนิยายใน 3 เดือน แรลลี 18
»
6. นิรีย์ และ มะนอแน่
»
ห้วงเสน่หา ไฟอารมณ์: ตอนที่ ๑ โอ้...อสูร (๑)