บทที่ 5
ฉันนั่งรอพี่โทนอยู่ที่ร้านของโมริจังจนเย็น หลังจากทำเรื่องหน้าขายหน้าไปแล้ว
มาแล้วเหรอ มีข่าวดีจะบอกด้วยนะ ฉันยิ้มกริ่มส่งเสียงความสุขออกไป
ไว้ค่อยคุยกันที่บ้านแล้วกัน กลับบ้านกันดีกว่า วันนี้เหนื่อยแล้วก็ร้อนมากด้วย เขาพูดกับฉันเสร็จก็หันไปกล่าว
ลาโมริจังด้วยรอยยิ้ม
หมดอารมณ์เลย ระหว่างทางนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านฉันเปิดดูทวีตเตอร์ของจีนไม่ได้มีการโพสต์ข้อความจากแด
เนียล วันนี้คงจะเป็นวันส่วนตัวพิเศษเฉพาะครอบครัว คนอื่นอาจจะโพสต์รูปครอบครัวเสมอ แต่สำหรับแดเนียล เขาไม่เคย
เปิดเผยรูปครอบครัวเท่าไหร่ ถ้าจะได้เห็นคงเป็นคุณแม่ของเขาที่เคยมาสัมภาษณ์รายการโทรทัศน์คู่กับเขาตอนงานเปิดตัว
หนังสือเล่มล่าสุดด้วย แต่ถ้าย้อนกลับไปเคยได้ดูภาพครอบครัวของเขาเหมือนกันเป็นภาพนิ่งและบทสัมภาษณ์ตอนเขา
เข้าวงการใหม่ ๆ ตอนนั้นน้องของเขายังเด็กอยู่เลย และไม่เคยบอกด้วยซ้ำว่าพี่น้องชื่ออะไรบ้าง
หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีกเลย ฉันเปิดอินสตาแกรมขึ้นมาเห็นจูลี่โพสต์ภาพเหมือนงานฉลองวันเกิดที่ตกแต่งเป็นธีมซุปเปอร์ฮีโร่
แต่ไม่ได้มีภาพคนพอจะอ่านได้บ้างว่าสุขสันต์วันเกิดพี่ชาย นี่พี่ชายของจูลี่ก็เกิดวันนี้เหรอ ต่อมาเป็นภาพในเงามืดของชายหนุ่มที่กำลังนั่ง
อธิษฐานอยู่หน้าขนมเค้ก มองไม่เห็นหน้าคนเป่าด้วยซ้ำ พอเป็นรูปครอบครัวเห็นหน้าทุกคนยกเว้นเจ้าของวันเกิดที่จูลี่ใส่
รูปหัวกระต่ายปิดบังหน้าไว้ สงสัยเธอจะแกล้งพี่ชายของเธออีกแล้ว แต่ก็ดูน่ารักดี ฉันเลยฝากสุขสันต์วันเกิดให้กับพี่ชาย
ของเธอไปด้วย เวลาเห็นภาพครอบครัวของจูลี่แล้วรู้สึกมีความสุขไปด้วย บางครั้งเธอจะรวมญาติกันจัดงานตามเทศกาล
ต่าง ๆ ภาพพี่น้องลุงป้าน้าอา ที่ช่วยกันทำอาหารและกินเลี้ยงกัน
ภาพแบบนั้นฉันไม่เคยได้สัมผัสมันเลย หรือว่าเราจะ
ญาติน้อย เวลารวมตัวกันก็ยาก บางครั้งฉันก็ไม่ได้มีโอกาสไปร่วมงานด้วย จนค่อนดึกแดเนียลก็เงียบหายไปจากสังคม
ออนไลน์ จะว่าไปนิยายเรื่องที่ฉันกำลังจะแต่งขึ้นมา ฉันคิดไว้อยากให้แดเนียลเป็นพระเอกจริง ๆ นั่นแหละ และให้ตัวรอง
คือพระรองคู่ขวัญของเขา และนางเอกก็คือ นางเอกที่เคยตกเป็นข่าวว่าเป็นคู่จิ้นของเขานั่นแหละ ทั้งสองคนเคมีตรงกัน
มาก ฉันเคยคิดว่าถ้าทั้งสามคนได้กลับมาเล่นละครด้วยกันอีกก็คงดี แต่ตอนนี้ติดที่พระเอกของเราย้ายต้นสังกัดแล้ว
กลับไปเล่นด้วยกันไม่ได้ ยกเว้นพระรองกับนางเอกยังมีเวียนไปจับคู่กันได้ในบางเรื่อง ส่วนชื่อเรื่องที่เป็นรหัสลับ มันคือวัน
เกิดของแดเนียลและของฉันนั่นเอง ฉันว่ามันดูเป็นเรื่องบังเอิญดีนะ
The Secret of love After Chirstmas Before Valentine เรื่องรักสนุก ๆ กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ฉันพร่ำในใจ ถ้า
เรื่องของรักแท้ในชีวิตจริงจะไม่เกิดขึ้นกับฉัน ก็ขอให้มันเกิดขึ้นในนิยายรักสนุก ๆ เรื่องนี้แล้วกัน
เฌอ ถึงแล้วสถานีหน้าแล้วนะ ปิดโทรศัพท์เถอะ พี่โทนหันมาทำเสียงอ่อนโยนกับฉัน
ค่ะ ฉันรีบปิดโทรศัพท์และไปยืนรอหน้าประตู
หลังจากทานอาหารและอาบน้ำเรียบร้อย พี่โทนนั่งดูข่าวจากโทรทัศน์ เขาหันมาถามฉัน
ข่าวดีอะไร
ข่าวดีเรื่องงานเขียน ฉันร่ายยาวถึงความตื่นเต้นในวันนี้ และบทสรุปของเขาเรียบง่ายมาก
จะเขียนก็เขียนได้ แต่อย่าไปไต้หวันเลย จะไปยังไงคนเดียว อันตรายแย่ แน่นอน คำพูดเป็นห่วงของเขามีมา
เสมอ แต่บางครั้งมันคล้ายกับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นกำลังรัดข้อเท้าทั้งสองข้างของฉันไม่ให้ไปไหนเลยแม้แต่ก้าว
เดียว
ก็ทำไมล่ะ ถ้าพี่ว่าก็ไปด้วยกันซิ
ไปทำไม เดี๋ยวไว้ไปคราวนี้ก็ไปดูแล้วกันว่าไอ้ที่เขียนถึงไต้หวันมันถูกต้องหรือเปล่า แค่นั้นก็พอ อีกอย่าง กลับมา
ก็เห็นนั่งทำงานดึก ๆ ไม่เหนื่อยหรือไง เอาเวลามาดูแลบ้าน ทำนั่นทำนี่ นอนพักผ่อนดีกว่าไหม เขาพูดจบก็หันหลังนอน
นี่ตกลงเขาห่วงแต่เรื่องงานบ้านหรือยังไงนะ ทั้งที่ทุกวันนี้เราก็กระเป๋าเงินของใครของมันนี่นะ ยกเว้นแต่ตอนทาน
อาหารนอกบ้านเท่านั้นเอง เฮ้อ ฉันถอนใจออกมา
พูดแค่นี้ถอนหายใจทำไม เขาตวาดเสียงใสฉัน
ไม่มีอะไร ฉันเสียงสั่นเครือออกไป ฉันเกลียดตัวเองในอารมณ์แบบนี้มาก ๆ เลย ฉันคงใกล้จะเป็นคนสอง
อารมณ์เข้าไปทุกวันแล้ว
คืนนั้นฉันตกลงเซ็นสัญญาเพราะอ่านข้อความแล้ว ฉันก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรมากนัก สองวันถัดมาฉันนัดเจอกับ
หัวหน้าบก. นอกรอบอีกครั้ง หัวหน้าฯบอกว่า คุณเฟินเหมย ชื่นชอบในแนวคิดของฉันมาก และชอบเรื่องย่อที่ฉันส่งไปให้
เธออ่าน เธอบอกว่า ถ้าเขียนเสร็จสักสามสี่บทก็ช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษส่งให้เธออ่านด้วย กลายเป็นว่านี่ฉันกำลังเขียน
งานสองเล่มใช่ไหม ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในเวลาเดียวกัน แหมเหนื่อยเอาการทีเดียว ที่สำคัญฉันกลัวว่าจะผิดแก
รมม่าภาษาอังกฤษมาก ๆ เลย แต่ถ้าเทียบกับค่าตัวที่ได้รับ เอา เอา ยอมเหนื่อยและทำต่อไป ยิ่งเขียนมันก็ยิ่งสนุกมากขึ้น
ฉันนั่งทำงานดึกทุกคืน พี่โทนกลับมาก็หลับเหมือนทุกคืน บ่นทุกวัน จนใกล้จะถึงวันสิ้นปี วีซ่า ตั๋วเครื่องบิน โรงแรมฉันจอง
ทุกอย่างและจ่ายเงินบางส่วนไปเรียบร้อยแล้วเหลือแค่อีกเดือนเศษ ๆ ก็จะได้เดินทาง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน
มันดูเลวร้ายลงมาก วันนั้นพี่โทนไม่ได้กลับบ้านด้วยเขาตรงกลับบ้านของเขาเพราะวันรุ่งขึ้นฉันจะไปต่างจังหวัดกับ
ครอบครัวเพื่อพักผ่อนตอนสิ้นปี เรามีปากเสียงกันแต่เช้า
ทำไมต้องไป
พี่ก็อยู่บ้านได้นี่คะ ไปค้างแค่สองคืนเอง ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว ฉันพูดกับเขา เพราะเป็นปกติถ้าฉันไม่อยู่บ้าน
เขาจะกลับบ้านทันทีไม่เคยอาสาอยู่บ้านนี้คนเดียว
บ้านนี้ไม่ใช่ของพี่
ถามจริง ๆ เถอะทำไมเราต้องแยกบ้านของคนนั้นคนนี้ เราแต่งงานกันแล้วนะ ฉันขึ้นเสียงบ้าง ทั้งที่รู้ดีว่าการพูด
ด้วยน้ำเสียงแบบนี้เขาจะโกรธมากขึ้น แต่ฉันคนเดียวใช่ไหมที่ต้องเป็นฝ่ายเก็บอารมณ์ไว้
วันนั้นเรายุติการพูดคุยและไปทำงานตามปกติ ฉันรู้ตัวดีว่าอารมณ์เสียขุ่นมัวตลอดวัน แต่เพราะด้วยงานที่มาก
ต้องเตรียมตัวปิดบัญชีด้วย ทุกอย่างชุลมุนมากจนไม่มีเวลามานั่งคิดถึงเรื่องของเราสองคน ก่อนกลับบ้านฉันโทรศัพท์หา
เขาแต่เขาปิดเครื่องฉันติดต่ออะไรเขาไม่ได้เลย ครั้นจะโทรศัพท์ไปถามหาเขาที่บ้านก็ดูจะไม่เหมาะสมนัก อีกอย่างฉันเอง
ไม่อยากให้ผู้ใหญ่รู้เรื่องที่เราสองคนไม่เข้าใจกัน
พอกลับถึงบ้านแม่เดินเอากล่องพัสดุซึ่งส่งตรงจากไต้หวันยื่นให้กับฉัน ข้อความบนกล่องบอกชื่อผู้ฝากส่ง คือ จูลี่
ฉวน คงไม่บังเอิญหรอกว่าเธอจะนามสกุลเดียวกับ แดเนียล เพราะคนจีนนามสกุลซ้ำกันแต่ไม่ได้เป็นญาติกันก็มีให้เห็นจน
เกลื่อน ขนาดคนไทยนามสกุลสั้นยาว ยังซ้ำกันได้เลย
ฉันแกะกล่องของขวัญออกมาดูในนั้นเป็นภาพถ่ายของแดเนียลเมื่องานวันเกิดซึ่งเป็นภาพที่ชัดมาก ๆ และกำลัง
ส่งยิ้มให้ฉันแบบตั้งใจ ภาพนี้ฉันไม่เคยเห็นในโลกออนไลน์เลย มีลายเซ็นของเขาและลงชื่อถึงฉันด้วย มากไปกว่านั้น คือคำ
อวยพรวันเกิดภาษาอังกฤษที่อวยพรให้ฉันมีความสุข นี่มันคืออะไรกัน พร้อมทั้งแผ่นซีดีหนึ่งแผ่น พอเปิดมาเป็นการรวม
รูปภาพการทำงานของเขาตั้งแต่เข้าวงการยังปัจจุบัน แถมด้วยมิวสิควีดีโอที่เขาเคยร้องเพลงประกอบละครที่เขาเล่นหนึ่ง
เพลง ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าที่ทำให้ฉันมีความสุขมาก ๆ ฉันรีบกดโทรศัพท์หาจูลี่ทันที
สวัสดีค่ะ พี่สาว ยิ้มแก้มปริเลยหรือเปล่า เธอทักฉันมาก่อน
ที่สุดเลย ขอบคุณมาก ๆ นะคะ แล้วทำไมถึงได้มา ฉันถามกลับไป
ความลับสุดยอด สุดยอดเลย เอาเป็นว่าพี่สาวชอบไหม จูลี่ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ขอกรี๊ดใส่ได้ไหม ฉันถามเธอ
พอเธอตอบ เยส ฉันนี่กรี๊ดแตกเลย มันที่สุดแล้ว
ภาพนี้จูลี่ถ่ายเองหรือคะ
ใช่ค่ะ แล้วก็ขอให้เขาเซ็นให้ด้วยนะคะ จูลี่พูดไปหัวเราะไป ฟังดูชอบกล
ขอบคุณมาก ไม่รู้ชาตินี้จะได้พบตัวจริงของเขาหรือเปล่า ฉันส่งเสียงเศร้าเล็กน้อย ผสมกับอาการถอดใจ
ไม่ต้องชาตินี้หรอกค่ะ เร็ว ๆ นี้ก็น่าจะได้พบกันแล้ว
จะเป็นไปได้ยังไง ฉันส่งเสียงสูง
ได้ซิ เชื่อเถอะ อีกหน่อย พี่สาวก็ต้องมาที่ไต้หวันบ่อย ๆ เพราะเรื่องงานต้องมีสักวันต้องได้พบกัน แล้วจะบอกให้
นะ จูลี่พูดทิ้งท้ายก่อนจะตัดสายโทรศัพท์ไป
จะบอกให้นะ จะบอกให้นะ ประโยคนี้ก้องอยู่ในหูของฉัน จูลี่จะบอกใครหรือ สาวน้อยคนนี้ชอบทำให้อะไรให้
ฉันต้องคิดต่ออีกละ ส่วนเรื่องเครียดในวันนี้มันจบลงเพราะสมองฉันก็รับจะไม่ไหวแล้ว วันนี้รู้สึกเหนื่อยจนบอกไม่ถูก แต่คง
ไม่ใช่เหนื่อยกายแต่เป็นเหนื่อยใจมากกว่า
ค่ำคืนนี้เป็นวันสิ้นปีอีกไม่กี่นาทีแล้วที่มันจะข้ามปีใหม่ไป ปีนี้ไม่มีพี่โทนอยู่ใกล้ ๆ ฉันพยายามโทรศัพท์หาเขาแต่
เขาก็ยังไม่เปิดเครื่องอยู่ดี แต่พอเปิดเฟซบุ๊คดู ฉันเห็นพี่ชายของเขาโพสต์ภาพครอบครัวของเขากำลังทานอาหารอยู่ที่
ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดูสีหน้าเขาก็มีความสุขดี บางทีเขาอาจจะค้นพบความสุขของเขาแล้ว และฉันคงเช่นกัน ฉัน
ยืนมองท้องฟ้า ตาฉันฝาดไปหรือเปล่าที่มองเห็นเฒ่าจันทรากำลังส่งยิ้มมาให้ฉัน ท่าทางจะเพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว
เสียงพลุดังขึ้นกลางท้องฟ้าริมทะเล หัวใจพองโตเมื่อเห็นพลุสีสันสดใสกลางผืนนภาดำมืด
คิดถึงพ่อจังเลยนะ ฉันเอ่ยขึ้น พวกเราในครอบครัวรู้ดีว่าพ่อเป็นคนชอบการดูพลุมากมายแค่ไหน พวกเราเชื่อ
ว่าป่านนี้พ่อคงดูพลุอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง พวกเรายืนฉลองและดื่มกันเล็กน้อยที่ริมหาดหน้าโรงแรมซึ่งวันนี้แขกเหรื่อแน่น
เป็นพิเศษเต็มทุกห้องดีที่น้องชายจองไว้ล่วงหน้าแล้ว แม่เลยต้องนอนห้องเดียวกับฉัน ทั้งที่ความจริงน้องชายจองห้องไว้ให้
ฉันกับพี่โทนอีกหนึ่งห้อง เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงที่เริ่มเข้าสู่ปีใหม่ ฉันออกมาสูดอากาศริมระเบียง และถ่ายภาพท้องฟ้าแสน
มืดกับแสงไฟสลัวริมทะเล บรรยายใต้ภาพว่า เหงาหรือเปล่า คิดถึงหรือเปล่า มันเป็นคำถามสั้น ๆ ที่ฉันคงอยากถาม
ตัวเองมากกว่า ภายในใจบอกไม่ถูก
ฉันเปิดทวีตเตอร์จีนขึ้นมาเพื่อโพสต์ภาพด้วยอีกที่หนึ่ง ประจวบเหมาะที่แดเนียลก็โพสต์พอดี ภาพโคมไฟอยู่ริม
ทะเลที่ใดสักแห่ง พร้อมบรรยายใต้ภาพว่า เริ่มต้นกันใหม่นะ
ฉันมองภาพแล้วยิ้มเหมือนเช่นเคย ฉันพิมพ์ตัวอักษรจีนลงไปว่า สวัสดีปีใหม่ หวังว่า เขาคงจะได้รับ
เริ่มต้นใหม่อย่างนั้นเหรอ ฉันทวนคำพูดนั้นในใจเบา ๆ
ลมโชย ๆ ในค่ำคืนนี้ฉันสัมผัสได้ถึงความหอมหวานของทะเลยามดึกเหลือเกิน ดวงไฟที่ฉันถ่ายไว้ ฉันสื่อว่ามัน
คือความอบอุ่น แล้วภาพโคมไฟของแดเนียล คือ อะไร คือ ความอบอุ่นเหมือนที่ฉันคิดหรือเปล่า
ในเช้าวันปีใหม่ ครอบครัวของเราตักบาตรหน้าโรงแรม เป็นครั้งแรกนะที่ได้ทำอะไรแบบนี้ รู้สึกสบายใจดี
หลังจากรับประทานอาหารเช้า พวกเราเราตั้งใจจะว่ายน้ำกันที่ทะเลในช่วงเช้าก่อน พอตกบ่ายจะว่ายในสระแทน ตกเย็นก็
จะขับรถไปเดินเล่นตลาดตอนกลางคืนกันหาอะไรกินเล่นให้ท้องอิ่มไปเลย เราพูดคุยกันสนุกสนาน ฉันกลายเป็นเพื่อนเล่น
ที่หลานประทับใจ เราเล่นกันจนเพลียเลย พอตกเย็นสิ่งที่ตั้งใจไว้ทำให้ฉันหยุดชะงัก เมื่อข้อความสั้น ๆ ถูกส่งมายังเครื่อง
โทรศัพท์มือถือของฉัน
เราเลิกกันนะ พี่ว่าเราควรจะมีทางเดินของตัวเอง
ฉันรู้สึกชาไปทั่วหน้าและร่างกายเลย เดี๋ยวนี้คนเราบอกเลิกกันด้วยข้อความสั้น ๆ โดยไม่ได้ยินเสียงกันแล้วหรือ
ดีนะที่เขาไม่โพสต์ผ่านสังคมออนไลน์ให้ชาวโลกรับรู้ด้วย ฉันกดอ่านอยู่หลายรอบและมองเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งมาก็เป็นของ
คู่ชีวิตเก้าปีที่เราแต่งงานกันมา จริง ๆ แล้วฉันควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่นะ เกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เขาปิดโทรศัพท์มือถือ
เขาคิดเอง หรือ ใครบอกให้เขาคิด หรือเขาคิดเอง นั่นคือคำถามที่วนวิ่งในสมองของฉัน
ฉันควรจะตอบ เยส หรือ โน คือ ว่า การตอบคำถามในครั้งนี้มันคล้าย ๆ กับตอนขอเป็นคนรักกัน หรือ ขอแต่งงาน
กันหรือเปล่า ฉันกำลังไร้ค่าหรือเปล่า ถ้าสมมติว่าเขาโทรศัพท์มาพูดด้วยตัวเอง น้ำเสียงของเขาจะแสดงความยินดีที่ได้
บอกเลิก โล่งใจ หรือว่าอะไร แล้วถ้าตอนนี้กลับไปถึงกรุงเทพฯ ข้าวของเครื่องใช้ของเขาจะยังอยู่ไหม หรือว่า เขาจะขนข้าว
ของออกไปโดยไม่มีการล่ำลากันซึ่ง ๆ หน้า ถ้ามีคนถามว่าพี่โทนไปไหน ฉันต้องตอบคนอื่น ๆ ว่าอย่างไร
เฒ่าจันทรากำลังหัวเราะเยาะให้ฉันใช่หรือไม่ นี่คือรักแท้ใช่หรือไม่ รักแท้ที่เปิดโอกาสให้ฉันได้พบทางสว่างและ
ความสุขของตัวเอง หรือ เฒ่าจันทรากำลังแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม แกล้งฉันทำไม น้ำตาฉันไหลออกมา ทั้งที่เคยบอกกับตัวเอง
แล้วว่า ถ้าโดนบอกเลิกขึ้นมาจริง ๆ จะยิ้มรับยังไงล่ะ
#หยุดฝันแล้วลงมือทำซะ# #นิยายแนวนลินอ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ#