บทที่ 8
จันทน์กะพ้อจอดรถรอเพื่อนอยู่นานก็ไม่เห็นว่าคนที่นัดไว้จะลงจากตำหนักมาสักที ถ้างานไม่มากเขาคงใจดีปล่อยไอ้นักเขียนสมองตันอยู่เฝ้าตำหนักเจ้าแม่ต่อ แต่ดูจากเวลาและงานที่รออยู่เขาคงต้องใจร้าย เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ยอมลงมาแน่เจ้าของสวนดอกไม้ขนาดใหญ่แห่งบ้านร้อยบุญก็ดับเครื่องยนต์และลงจากรถเดินลอดประตูรั้วเข้าไปลากไอ้เพื่อนรักไปทำงาน
ด้วยความคุ้นเคยทำให้จันทน์กะพ้อไม่ต้องระวังคมเขี้ยวของกะเพราเหมือนคนอื่นๆ เจ้าหมานั่นรู้งานเป็นอย่างดี ถ้าเป็นคนนอกก็เห็นจะมีแค่เขากับน้องสาวนี่ล่ะที่สามารถเข้าออกบ้านนี้ได้โดยที่ไม่ถูกหมาขับ ชายหนุ่มเดินขึ้นตำหนักเพื่อจะพบว่านอกจากโหราที่เขาตั้งใจมาลากลงจากเรือนแล้วนั้นยังมีหนุ่มหน้าคมนั่งอยู่อีกคน
ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ จันทน์กะพ้อประหลาดใจนัก ตอนเห็นด้านหลังก็คิดว่าคุ้นอยู่ บุกมาถึงตำหนักอย่างนี้ช่างกล้าหาญจริงๆ
ชวินยิ้มกว้างส่งผลให้ใบหน้าคมเข้มดูอ่อนโยนและน่ามองอย่างยิ่ง หนุ่มกรุงเอ่ยพยักพเยิดหน้าทักทายเพื่อนเก่าหรืออีกนัยหนึ่งก็คือคู่แข่ง ดูเหมือนวันนี้ดวงเขาจะไม่ดีเลย คนหนึ่งก็คู่แข่งหัวใจ ส่วนคนที่เพิ่งมาใหม่นี่ก็ชิงดีชิงเด่นกันมาแต่เล็กแต่น้อย
เป็นไง...กิจการสวนดอกไม้ ได้ข่าวว่าขายดีจนไม่มีเวลาว่าง
ก็เรื่อยๆ น่ะ ความจริงไม่ได้ยุ่งอะไรขนาดนั้น แล้วไงถึงมาโผล่นี่ได้ล่ะ จันทน์กะพ้อเหลือบมองกระเช้าของฝากก็เข้าใจ อ๋อ...มาเยี่ยมตะเพียน ฉันว่าแกมาช้าไปแล้วล่ะ ตะเพียนแผลหายจนวิ่งขับเจ้ากะเพราได้แล้วมั้ง
หญิงสาวที่ใครๆ ก็ดูจะให้ความห่วงใยหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ตอบคนมาใหม่ติดตลกว่า พี่จันทน์คงต้องขอบคุณหมอให้มากๆ เพราะถ้าฉันยังเจ็บแผลอยู่ล่ะก็เพื่อนพี่มีหวังสิ้นชื่อแน่ อยู่ๆ ก็เดินหิ้วปิ่นโตทะเร่อทะร่าเข้ามาเงียบๆ จนเกือบถูกกะเพราะลับเขี้ยวไปแล้ว
ไม่ต้องกลัวหรอกน่า พี่พามันไปฉีดยาแล้ว รับรองกะเพราปลอดภัย
อ้าว...ไอ้เพื่อนเวร โหรามองเพื่อนรักราวกับจะค้อน
ดูเหมือนการมาถึงของจันทน์กะพ้อจะทำให้ทุกคนลืมสนใจแขกอีกคนไปเลย ด้วยลักษณะการพูดคุยสนิทสนมชนิดที่ชวินไม่มีวันพาตัวเองแทรกเข้าไปร่วมด้วยได้ หนุ่มกรุงผู้ขับรถมาตั้งไกลขยับตัวเรียกร้องความสนใจ นี่คงไม่ใช่วันของเขา มันผิดตั้งแต่นายโหราหน้าขาวปากแดงนั่นเดินเข้ามาและเลวร้ายยิ่งกว่าคือจันทน์กะพ้อ
คนหลังนี่คือตัวอันตรายของแท้เพราะหมอนั่นรู้ว่าจะทำอย่างไรให้เขาดูหมดความสำคัญ แน่นอนว่าจันทน์กะพ้อทำมันได้ดี ตอนนี้เขาก็นั่งโดดเดี่ยวดูความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นด้วยความอิจฉา เหตุการณ์ในอดีตทำให้ภาพลักษณ์ของชวินในสายตายายรัญจวนติดลบ กับตะเพียนทองนั้นเขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก อย่างน้อยเธอก็เคยรักเขา ถ่านไฟเก่าย่อมมีโอกาสปะทุได้ทุกเมื่อหากเชื้อมันยังคงอยู่ เพียงแค่วันนี้คงต้องถอย ชวินทอดสายตาจับนิ่งที่ใบหน้าหวานผุดผ่องของอดีตคนรัก แล้วเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน
เห็นทีว่าพี่คงต้องกลับก่อน
กลับกรุงหรือกลับบ้านเดือนสว่าง จันทน์กะพ้อตั้งใจขัดคอ ก็มันเรื่องอะไรมาทำท่าอาลัยอาวรณ์ใส่น้องสาวนอกไส้ของเขาล่ะ ไอ้โหรก็ไม่ได้เรื่องนั่งยิ้มยืดยาดอยู่นั่น หมาจะคาบสาวที่หมายตาไปแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ฮึ่ย...ไม่รู้จะด่ายังไง
กลับกรุงเลย กว่าจะถึงคงบ่าย ขี้เกียจไปเจอรถติดช่วงเลิกงานน่ะ
งั้นก็รีบไปสิ ฟังดูเหมือนห่วง แต่คนพูดตั้งใจไล่กันตรงๆ เลยล่ะ และยายรัญจวนก็ดูจะรู้ใจจันทน์กะพ้อรีบอวยส่งตามน้ำ
โชคดีนะพ่อคุณ เมื่อเห็นหลานสาวขยับตัวจะไปส่งแขก หญิงชราก็รีบห้ามไว้ ลุกไปเดี๋ยวก็จะสะเทือนแผลเปล่าๆ พ่อวินไปได้อยู่หรอก กะเพราะเข้ากรงแล้วไม่ใช่เหรอ
จ้ะยาย
อืม...พ่อวินรีบไปเถอะ เดี๋ยวเจอรถติด
ผู้มีอำนาจมากสุดในบ้านพูดซะขนาดนี้ ขืนรีรอก็จะไม่ถูกใจอีก ชวินไหว้ลายายรัญจวนและลาคนอื่นๆ ก่อนเดินลงเรือนไป
เสียงรถของหนุ่มกรุงแล่นพ้นรั้วบ้านไปแล้ว ตะเพียนทองเผลอเป่าปากอย่างลืมตัว ไม่คิดมาก่อนเลยว่าชวินจะรู้เรื่องของเธอแถมยังกล้าหิ้วกระเช้าของเยี่ยมมาฝากอีก ให้มันได้อย่างนี้สิ ทำเหมือนไม่เคยมีคดีกันมาก่อน แล้วก็ไม่รู้จังบังเอิญอะไรขนาดนี้จู่ๆ นายนักเขียนก็โผล่มา หนักสุดเห็นจะเป็นพี่ชายนอกไส้ของเธอนี่ล่ะ
หญิงสาวรู้ดีว่าจันทน์กะพ้อเป็นห่วงเธอมาก นับตั้งแต่แตกหักกับชวิน รอยร้าวระหว่างสองหนุ่มก็เพิ่มขึ้น เจอกันแต่ละครั้งเธอก็ได้แต่นึกภาวนาขออย่าให้วางมวยกัน แล้วดูเถอะพอชวินไปเธอก็กลายเป็นจำเลยทันที สายตาคมกริบมองกราดมาที่เธอ
ทำไมถึงมาโผล่นี่ได้
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันพี่ ตอนลงไปเจอยังตกใจเลย ร่างทรงสาวส่ายหน้า คิ้วเข้มของคนถามก็ยิ่งขมวด
อืม...ระวังๆ ไว้บ้างก็ดี พี่ชายนอกไส้เตือนด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้เล่าว่าพ่อกับน้องสาวของชวินก็ไปเยี่ยมเยียนบ้านเขามาแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เขายังไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกันหรือไม่แต่อย่างไรก็อยากให้ระวังไว้ ชายหนุ่มไม่เซ้าซี้แต่หันไปกระเซ้ายายรัญจวนที่นั่งเคี้ยวหมากปากแดง ถ้าวินมันจะกลับมาสมัครเป็นหลานเขยยายอีกรอบจะทำไงเนี่ย
หือ... โหราครางออกมามองเพื่อนตาไม่กะพริบ
ขณะที่หญิงสูงวัยหยิบกระโถนขึ้นมาบ้วนน้ำหมาก พยักพเยิดมาทางชายหนุ่มคนที่มาก่อน พ่อจันทน์คงต้องถามเจ้าของตำแหน่งตัวจริงว่าจะยอมมั้ย
ยาย! ตะเพียนทองอุทาน มองยายเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
คนถูกมองก็ได้แต่หัวร่อชอบใจกล่าวอย่างเป็นกลาง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
แต่ยังไงหลานเขยยายก็ต้องเป็นผมอยู่ดีใช่มั้ยครับ
ตะเพียนทองกระแทกลมหายใจขึ้นจมูก สายตาที่ใช้มองโหราก็ช่างโหดร้าย ไม่กลัวตายก็ลองดู อยากเจออิทธิฤทธิ์เจ้าแม่นัก ฉันจะจัดให้
ไม่อยากเจออิทธิฤทธิ์เจ้าแม่ แค่อยากได้ร่างทรงของท่านมาเป็นศรีภรรยาเท่านั้นเอง
แต่ฉันคิดว่าแกควรจะหุบปากได้แล้วนะไอ้โหร แหม...เมื่อกี้ล่ะทำเป็นนั่งเงียบกริ๊บ ไปเลย สายมากแล้วเนี่ยเดี๋ยวแม่ค้ารอดอกไม้กันตาย กว่าจะตัด กว่าจะห่อ กว่าจะเสร็จ ฉันไปก่อนนะจ๊ะยาย พี่ไปก่อนนะ จันทน์กะพ้อพูดพร้อมกับลุกขึ้น
โหราบอกลาสองสาวยายหลานลุกขึ้นหิ้วปิ่นโตเปล่าที่ตะเพียนทองถ่ายกับข้าวออกและล้างแล้วมาถือไว้ เดินลงบันไดตามหลังเพื่อนรัก ทว่าในใจคิดหนักกว่าที่แสดงออกมา
จันทน์กะพ้อเหลือบมองเพื่อน ตั้งแต่ขึ้นรถมาพ่อโหรานักเขียนใหญ่ก็เอาแต่เก็บปากเงียบ นั่งทำคิ้วผูกโบว์ขบคิดสิ่งใดก็ไม่อาจจะหยั่งใจได้
ไง...นั่งเงียบ
ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาไงต่อดี แกก็เห็นว่าไอ้คุณชวินน่ะมองตะเพียนตาเป็นมัน ทั้งๆ ที่อาทิตย์หน้ากำลังจะหมั้นกับญาติฉัน นี่มันอุกอาจมากเลยนะ
ถามฉัน ฉันก็บอกได้แค่ว่าอย่าปล่อยให้มันหมั้นกับญาติแก ส่วนตะเพียนก็พอวางใจได้อยู่หรอกว่าเจ็บแล้วจำ
จริงเหรอวะ โหราเชื่อไม่ลง ก็หลักฐานยังคาตาเขาอยู่เลย ผู้หญิงบางคนชอบแสดงออกให้คนภายนอกรู้ว่าไม่รัก ไม่สน เมื่อเลิกแล้วก็แล้วกันไป ส่วนลึกๆ ในใจก็ยังไม่ลืม รักมากก็ยิ่งลืมยาก เขายังสงสัยว่าตะเพียนทองจะอยู่ในประเภทนั้นไหมในเมื่อเธอยังตั้งรูปคู่กับชวินไว้หัวเตียง นี่แหละสิ่งที่บั่นทอนความมั่นใจของโหรา
ทว่าจันทน์กะพ้อกลับไม่เคยนึกระแวง ไหงถามงั้นล่ะไอ้โหร แกติดใจอะไรถามมาตรงๆ อย่ามานั่งเงียบแล้วมโนไปถึงทางช้างเผือกมันไม่ได้ช่วยอะไรแกหรอกนะ
จะไปรู้เหรอใจเขาใจเรา แกมั่นใจจริงๆ เหรอวะ
เอ๊ะ! ไอ้นี่ จันทน์กะพ้อมองหน้าเพื่อน จนคนถูกจ้องต้องเตือนให้หันกลับไปมองถนน หนุ่มหน้าคมเจ้าของสวนดอกไม้ถอนใจยาว หากโหราคงยังติดใจกับเรื่องอะไรสักอย่างและผ่านมันไปไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเหนื่อยต่อไปเลย หยุดซะเถอะ
ไอ้โหร ถ้าแกไม่มั่นใจ ฉันก็ไม่บังคับหรอกนะ แต่แกจะทำอย่างนี้ฉันไม่ชอบ สงสัยอะไรก็ถามมา ถ้าแกไม่มั่นใจในคำตอบของฉัน แกก็ถามตะเพียนตรงๆ ไปซะ จากนั้นก็ตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะต่อหรือจะปล่อย
จะปล่อยไปได้ไงก็รักเขาไปแล้ว
โหราถอนหายใจอย่างอึดอัด เข้าใจที่เพื่อนพูดดีทุกอย่าง จันทน์กะพ้อรักตะเพียนทองเหมือนน้องสาวแท้ๆ แน่นอนว่าเมื่อเขาซึ่งเป็นเพื่อนรักแสดงท่าทางชอบพอในตัวน้องสาวมันก็ยินดีสนับสนุน เพราะรู้อยู่ว่าประวัติของเขาขาวสะอาดพอตัว
เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่ชายมากรัก เรื่องนี้จันทน์กะพ้อก็รู้ดี เมื่อรักก็คือรักจริงและรักอย่างหมดหัวใจ แรกเจอกับตะเพียนนั้นมันคือความประทับใจ และท่าทางไม่ยอมใครของเธอก็สะกดใจเขาอย่างแรง เชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกนี้อีกแล้วที่จะมีโอกาสตบนายโหราซะหน้าหันตั้งแต่วันแรกที่เจอ ตะเพียนทองคือผู้หญิงพิเศษและเขามั่นใจในสัญชาตญาณของตัวเอง เรื่องปล่อยเธอไปไม่เคยอยู่ในความคิด
บทสนทนาสิ้นสุดเพียงแค่นั้น สองหนุ่มในรถต่างนั่งเงียบๆ เมื่อถึงสวนสั่งงานเสร็จก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ โหราเดินมากับลุงคำคนงานประจำสวนและเป็นผู้ประสิทธิประสาทวิชาเก็บบัวให้กับเขา เพราะวันนี้จำนวนที่สั่งค่อนข้างมากจึงจำเป็นต้องใช้ผู้ชำนาญการมาช่วยจะได้เสร็จเร็วขึ้น
ชายหนุ่มทุ่มสมาธิเก็บดอกบัวอย่างตั้งใจ เลือกดอกตูมพร้อมเก็บ คอยระวังไม่ให้กลีบช้ำ ดอกไม้เมื่อมีตำหนิก็จะหมดราคา แต่กับหัวใจช้ำๆ ของใครบางคนนั้นต่อให้มันยับเยินปานใดเขาก็จะใช้ความรักดูแลบำรุงให้มันกลับมาสวยงามอีกครั้ง เจ้าของหัวใจนั่นแหละจะยอมให้เขาดูแลไหมนี่คือคำถาม อดีตของเธอกำลังจะย้อนกลับมาเป็นปัจจุบันต่อให้มั่นขนาดไหนก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าตะเพียนทองจะแสดงออกว่ามีใจแบบหวังผลได้เลยสักครั้ง ไม่ได้แล้ว...โหราคิดต่อไม่ได้ ความระแวงกำลังฆ่าเขา นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด ตอนนี้เขาควรจะต้องมั่นใจและมั่นคงให้มากๆ ผู้หญิงสองคนกำลังอยู่ในอันตราย มีแต่เขาเท่านั้นที่จะช่วยทั้งตะเพียนทองและแพรพิไลให้หลุดพ้น
กับเรื่องงานโหราไม่เคยคร้านเลย เหนื่อยหนักเท่าไรก็สู้ จะมีก็แต่เรื่องรักที่ยังหนักอกคิดไม่ตกสักที เขาจะทำยังไงดีนะ